รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ประเด็นก็คือเราไม่ได้มี แค่มนุษย์บนดาวเคราะห์ดวงนี้เท่านั้น เรามีปีศาจประเภทอื่น ๆ อยู่ทั่วในโลกต่าง ๆ ข้าง ๆ ดาวเคราะห์ของเรา และ ปีศาจเหล่านี้มีอิทธิพลต่อบางคน โดยเฉพาะคนที่มี แนวโน้มชอบสงคราม ฝังตัวอยู่ในตัว ทำให้ปีศาจ สามารถมีอิทธิพลต่อพวกเขา ได้ง่ายขึ้น ครอบงำพวกเขา และบังคับให้พวกเขา ก่อสงคราม ก่อปัญหา และ ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานสารพัด แก่มนุษย์คนอื่น ๆ มันเป็นอย่างนั้น ฉันจึงดีใจที่ชาวดวงจันทร์ ปกป้องตนเองด้วยระบบ รักษาความปลอดภัยขั้นสูง ฉันหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น ตลอดไปสำหรับพวกเขาเพราะมันแย่พอแล้วที่ เราสร้างความทุกข์ให้ กันและกันที่นี่ และสร้าง อันตรายถึงชีวิตให้กับ ตัวเราเองอยู่แล้ว ไม่ใช่ไปยังโลกที่สงบสุขและ รบกวนชีวิตของพวกเขา นั่นไม่ยุติธรรม พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเรา พวกเขายังไปมารอบ ๆ และ พยายามช่วยเหลือทุกวิถีทางที่ ทำได้เพื่อความปลอดภัยของเรา ฉันแค่หวังว่าชาวดวงจันทร์ จะไม่เข้าไปลึกในกรรม ของเรามากเกินไป และ ทำให้ตัวเองป่วย แล้วนำมันกับไปที่ดวงจันทร์ โอ้ ขอพระเจ้าคุ้มครอง ชาวดวงจันทร์เหล่านี้ด้วย พวกเขาดีมากแล้วในตอนต้นของ การสนทนาของเรา ฉันได้ถามกษัตริย์ไปแล้วว่า เหตุใด พวกเขาจึงใจดีมากกับฉัน และนักบวชอื่น ๆ ของฉันในสมัยก่อน เมื่อก่อนตอนที่ฉันมีนักบวช จำนวนมาก เราไม่มีบ้าน ดังนั้นเราจึงตั้งแคมป์ ท่ามกลางธรรมชาติ ใกล้ลำธาร เพื่อให้มีน้ำไว้ดื่ม และเราก็แค่ร้องเพลงหรือย่าง มันฝรั่งระหว่างการบรรยายของฉัน แล้วฉันก็พูดว่า “ทำไมคุณ ถึงใจดีกับพวกเราขนาดนี้? เพราะบางครั้งตอนเรา ร้องเพลงท่ามกลางธรรมชาติ ใต้แสงจันทร์ ดวงจันทร์ของคุณก็จะหยุดนิ่งอยู่ เป็นชั่วโมง ๆ จนกว่าเรา จะร้องเพลงจบ และเราอยากจะเข้านอน แล้วคุณก็แค่หายวับ ไปด้านหลังภูเขาอย่างรวดเร็ว"นักบวชหลายคนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ฉันไม่ใช่แค่เล่าเรื่องแต่ง มันเป็นเรื่องจริง และในทำนองเดียวกัน หลายครั้ง สิ่งต่าง ๆ หรือดวงจันทร์ก็ยิ้มกว้างมาก ราวกับว่าคุณกำลังมองดู ใบหน้าของมนุษย์บนท้องฟ้า พระจันทร์ทั้งดวง กลายเป็นหน้ายิ้มแย้มพี่ชายของคุณคนหนึ่ง ในคอสตาริกาเห็นมัน และนักบวชคนหนึ่งเห็นมัน และยังคงจำได้ บางทีเขาอาจจะเล่าเรื่องนี้ให้ใคร สักคนฟังครั้งหนึ่งหรือไม่ก็ได้ แต่ฉันกำลังเล่าเรื่อง ที่พยานยังมีชีวิตอยู่ ให้คุณฟัง ฉันแค่บอกคุณ และสิ่งอื่น ๆ มากมาย มากมาย มากมาย แต่ก่อนฉันเคยพา นักบวชและแม่ชีไปทั่ว เวลาเราไปที่ไหนก็ตาม พวกเขาจึงได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายที่พี่น้องภายนอก ไม่เคยเห็น เหล่านี้คือสิ่งบางอย่างฉันจึงถามท่านว่า "บางครั้งคุณก็ส่งความรักมาให้ฉัน นั่นก็คือดวงจันทร์ เวลาฉันคิดถึงคุณ หรือพยายามถ่ายรูปคุณ ในมุมที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในป่า และคุณก็ส่งหัวใจ แบบนั้นมาให้ฉัน ซึ่งมัน ชัดเจนมาก แถมยังมีวงแหวน สีดำรอบ ๆ หัวใจด้วย มันจึงทำให้มันโดดเด่นขึ้น ทำไมคุณถึงใจดีกับฉันขนาดนั้น เป็นมิตรขนาดนี้ และรักฉันขนาดนี้?” ท่านตอบว่า “เพราะว่าเรารักท่าน” นั่นคือสิ่งที่ท่านพูด อย่างเรียบง่าย อย่างนั้น ฉันบอกว่า "ฉันก็รักคุณเช่นกัน ฉันคิดว่าพวกเราทุกคนรักคุณ มนุษย์และ ชาวสัตว์ เราทุกคนรักคุณ คุณช่างงดงามบนท้องฟ้า คุณมีเอกลักษณ์จริง ๆ ถ้าไม่มีคุณ ฉันไม่รู้ว่า เราจะรู้สึกอย่างไร หากต้อง ใช้ชีวิตโดยไม่มีดวงจันทร์”ท่านก็ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นด้วย ท่านบอกว่า ท่านรู้ นั่นเป็นเหตุว่าท่านจึงพยายาม ช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยให้กับ ดาวเคราะห์ของเราเท่าที่ท่านทำได้ แต่ตัวเราเองกลับไม่สนใจเรื่อง ความปลอดภัย ความมั่นคงของเราเลย อาหาร น้ำ ความอดอยาก หรืออะไรก็ตาม ผู้คนนอกดาวเคราะห์ของเรา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราเลย แต่ยังคงใส่ใจเรามาก คนจากดาวอังคาร จากดาวศุกร์ และจากดวงจันทร์ เท่าที่ฉันทราบยังมี มากกว่านี้แน่นอน ฉันชอบพูดคุยกับพวกเขาทุกคน เพราะพวกเขามีความรู้ และพลังงานที่สงบมาก คุณจึงรักพวกเขา แต่ฉันก็ไม่มีเวลา จะพูดคุยมากนัก บางทีมันก็ออกมาเองบ้าง เมื่อมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ฉันก็จะพูดกับพวกเขา ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ฉันคงไม่วิ่งไปทั่วจักรวาล และจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เคาะประตูบ้านพวกเขา และอยากคุยกับพวกเขาเพียงเพราะดวงจันทร์ อยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลา และดวงจันทร์ก็ใจดี และแสดงความรักต่อฉันมากมาย และเป็นมิตรมาก แม้แต่กับกลุ่มนักบวชและ แม่ชีของฉันเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้น เราไม่มีกล้องถ่ายรูป เรายากจน เราเป็นแค่คนไร้บ้าน ดังนั้นเราจึงไม่ได้บันทึก ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ไว้ให้คุณ แต่สิ่งที่ฉันบอกคุณ คือความจริงทั้งหมด จริง ๆ แล้ว ฉันพลาดรายละเอียดอื่น ๆมากมาย เหมือนบางครั้งเราอยู่ บนชายหาดหรืออะไรสักอย่าง แล้วเมฆก็ปกคลุม ดวงจันทร์ทั้งดวง ฉันแค่บอกว่า "โอ้ ฉันหวังว่าดวงจันทร์จะออกมา" แล้วมันก็ออกมาทันที เอาเมฆออกไปหมด ฉันมองเห็นได้ชัดเจน แล้วแน่นอน ว่ามันคงไม่นานเกินไป เพราะมีเมฆมากเกินไป มันก็หายไปทันที แต่แล้วมันกลับออกมาใหม่ อีกในเวลาต่อมา หลายครั้งเหมือนกันแบบนั้น พระอาทิตย์ก็เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่ฉันออกกล้องมา ฉันก็อยากจะถ่ายรูปเอาไว้ แน่นอนว่าในป่านั้น การจะหา ที่โล่งนั้นยากกว่า แต่ดวงจันทร์ก็พยายามอย่างมาก ที่จะออกมาจากเมฆหรือ เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่อื่น อย่างรวดเร็วซึ่งไม่มีต้นไม้ เพื่อให้ฉันถ่ายภาพฉันรู้สึกขอบคุณไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับความรักทั้งหมดที่อยู่รอบตัวฉัน ทั้งดวงจันทร์ พระอาทิตย์ ดวงดาว และแม้แต่ ชาวสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างชาวกระรอก และชาวนก พวกเขาก็มาพูดคุย และแสดงความรักเช่นกัน ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต่อพระคุณของพระเจ้า ที่ทำให้ฉันมีความทรงจำอันงดงาม ให้จดจำจากคนที่ ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ฉัน จากชาวสัตว์ แทนที่จะถูกคุกคาม หรือไล่ล่าไปทั่วหรือข่มขู่ จากมนุษย์ด้วยกันเอง บนดาวเคราะห์ดวงนี้ บางครั้งฉันก็รู้สึกเศร้ามาก ฉันเลยคิดว่า "ฉันสามารถไป ใช้ชีวิตร่วมกับดวงจันทร์ได้หรือเปล่า?" พวกเขาบอกว่า “ได้ ยินดีต้อนรับอย่างมาก” ฉันพูดว่า “ฉันเดาว่า ฉันคงไม่มีโชคแบบนั้น แต่แล้วมนุษย์คนอื่นล่ะ?” ถ้าเขาอยากไปอยู่กับ พวกคุณ เขาทำได้มั้ย?” ท่านพูดว่า “ได้ พวกเขาทำได้ แต่พวกเขาจะต้องอยู่ในระดับเดียว กับเรา เป็นประการที่หนึ่ง ประการที่สอง พวกเขา จะต้องมุ่งมั่นที่จะ อยู่กับเราจริง ๆ แล้วเมื่อเขาตายไปแล้ว เราจะต้อนรับพวกเขา และพาพวกเขามาที่นี่”ฉันพูดว่า “แต่ตอนนี้ คุณมีร่างกายในโลกของคุณแล้ว และผู้คนจาก ดาวเคราะห์โลก ถ้าพวกเขาตายไป พวกเขาก็จะ ไม่มีร่างกายอีกต่อไป แล้วพวกเขาจะอยู่ กับคุณได้ยังไง?” เขาพูดว่า “โอ้ เรามีเครื่องมือ เราจะคืนเนื้อและกระดูก ให้พวกเขาได้ และพวกเขา ก็จะเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และพวกเขา สามารถอยู่ร่วมกับพวกเราได้” ฉันจึงถามไปว่า “ที่นั่นมีมนุษย์อาศัยอยู่ กับคุณกี่คนแล้ว?” ท่านบอกว่า “403 คน จนถึงปัจจุบัน 403 คน” และพวกเขาก็มีความสุขกันแน่นอน อยู่ในระดับเดียวกัน ใน รูปแบบเดียวกัน มีความสุขตลอดไป หากพวกเขาได้รับการยอมรับจาก ชาวดวงจันทร์และอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาก็จะได้รับ การหลุดพ้นตลอดไปเช่นกัน แต่พวกเขาจะต้อง อยู่ในระดับเดียวกัน อย่างน้อยระดับที่สี่ ไม่มีระดับที่ห้าที่นั่น มีเพียงระดับที่สี่เท่านั้น และแน่นอนว่าพวกเขา ต้องตรวจสอบว่า บุคคลเหล่านี้จริงใจ มีศีลธรรมอันดี มีระดับสูง รู้แจ้ง รักสงบ และอื่น ๆ หรือไม่ ก่อนที่จะยอมรับพวกเขา แน่นอน ใครจะอยากมีความรบกวน ในโลกที่สงบสุขและ มีความสุขเช่นนี้บ้างล่ะ?ฉันจึงถามท่านว่าบ้านของ พวกเขามีหรือเปล่า... ฉันมองเห็น แต่แน่นอนว่า เรากำลังพูดคุยกันอยู่ ฉันพูดไม่ได้ว่า “โอ้ ฉันเห็นทุกอย่างแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องบอกฉัน” เพียงพูดคุย เป็นกันเอง ให้คุณรู้ด้วย ฉันจึงถามว่าบ้านของ พวกเขาอยู่บนพื้นดิน หรือบนอากาศ เพราะบน ดาวเคราะห์หลายดวงซึ่งเป็น ดาวเคราะห์ที่ก้าวหน้ากว่านั้น บ้านจะอยู่บนอากาศ ไม่ได้อยู่บนพื้นดิน เหมือนบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ท่านกล่าวว่า “พวกเขาอยู่บนพื้นดิน” ฉันถามว่า “โอเค แล้วคุณก็เดินด้วยมั้ย? หรือเพราะว่าคุณมีรถยนต์ บินได้และสิ่งที่เรา เรียกว่ายูเอฟโอแบบนั้น… คุณเดินบ้างไหม?” ท่านกล่าวว่า “ใช่ บนพื้นใช่” คล้ายกับโลกนี้ แต่มีรถบินได้ ถ้าพวกเขาเดินทางไปไกล เช่น จากมุมหนึ่ง ของดวงจันทร์ชั้นใน ไปยังอีกมุมหนึ่งโอ้ ใช่แล้ว เพราะฉัน ถามว่า "คุณใช้ชีวิตแค่ ด้านสว่างของดวงจันทร์ หรือด้านมืดเท่านั้น?" ท่านบอกว่า “ทั้งสอง ทั้งสองด้าน” พวกเขาจึงใช้รถบินได้ ขับไปมาเพื่อเจอกัน แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องขับรถ เหมือนที่เราขับรถที่นี่ พวกเขาใช้จิตที่มุ่งมั่น เพื่อขับเคลื่อนยานพาหนะ หรือสิ่งของใดก็ตามที่ ต้องยกขึ้นหรือใช้งาน ก็ไม่มีความหนักที่นั่น มันดีกว่า ที่นี่เราต้องการเครื่องมือมากมาย เพื่อยกแม้แต่ ก้อนหินเพียงไม่กี่ก้อน และบางครั้งเราก็ไม่สามารถ ทำแบบนั้นได้ และเครื่องมือต่าง ๆ ที่มักจะพัง เราก็ไม่สามารถใช้มันได้ มันใช้เวลานานในการซ่อม หรือเราก็ต้องทิ้งมัน แล้วซื้อใหม่ฉันถามท่าน (กษัตริย์แห่งดวงจันทร์) ว่าท่านรู้สึกอย่างไร กับโลกของเรา ท่านบอกว่าท่านรู้สึกเศร้าเพราะ เราสร้างปัญหามากมาย ให้ตัวเราเอง และแค่วิธีแก้ไขง่าย ๆ เราทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ท่านรู้ว่าฉันสนับสนุนวีแกน เพื่อช่วยดาวเคราะห์นี้และ และสร้างสันติภาพตลอดไป ให้ที่นี่ แต่ใช้เวลานานมาก และทั้งโลกก็ยังไม่เป็น วีแกนอย่างสมบูรณ์ ท่านทราบเรื่องทั้งหมดแล้วและ บอกว่าท่านรู้สึกเสียใจ มันเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหา เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างหนึ่ง และ เราสามารถนำไปใช้เพื่อช่วย โลกทั้งใบเพื่อให้มนุษย์ สามารถดำรงชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ ที่สวยงามแห่งนี้ต่อไปได้ท่านบอกว่าดาวเคราะห์ของเรา สวยงามมาก ดาวเคราะห์หลายดวงอิจฉาเรื่องนั้น เพราะเราสามารถอาศัยอยู่ภายนอก ของดาวเคราะห์และ ไม่ต้องกังวลอะไร หมายถึงอยู่บนดิน บนผืนดินนั่นเอง และเรายังสามารถอาศัยอยู่ ภายในโลกซึ่งเป็นส่วนว่างเปล่า ภายในโลกได้ เช่นเดียวกับที่ พวกเขากำลังอาศัยอยู่ในพื้นที่ ชั้นในของดวงจันทร์ในขณะนี้ พวกเขาสามารถสร้างดวงจันทร์ และพระอาทิตย์ของตัวเองได้ แต่พวกเขาสามารถควบคุม ให้มีอุณหภูมิเท่าเดิม อยู่เสมอ มีอากาศที่ดี และดีต่อสุขภาพ และฉันถามท่านว่า “แล้วท่าน มีแสงสว่างตลอดเวลาหรือเปล่า?” ท่านบอกว่า “ไม่ ตอนกลางคืน เมื่อเราต้องพักผ่อน มันก็จะปิดอัตโนมัติ” ก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็ สงบสุขและง่ายดายถ้าพวกเขาไม่ต้องกิน ฉันเดาว่ามันง่ายกว่าในโลกนี้ ที่ผู้คนต่อสู้เพื่อ อาหาร เครื่องดื่ม และ ความสะดวกสบายทุกรูปแบบ แม้กระทั่งเพราะความโลภ หากเป็นเช่นนั้น โลกก็จะ สามารถรองรับคนได้เพียงพอ ทั้งในเรื่องอาหารและความสะดวกสบาย และชีวิตที่เรียบง่าย แต่มนุษย์มักคิดเสมอว่า “ยิ่งมากก็ยิ่งดี” การไขว่คว้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่เพียงพอ เพราะงั้นปัญหา ถึงเกิดขึ้นมากมาย ปัญหาต่าง ๆเกิดขึ้น มากมายเพราะความโลภ และคนแข็งแกร่งก็ข่มเหง คนที่อ่อนแอกว่า อย่างนั้นPhoto Caption: สัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ที่จะ ระเบิดเป็นฤดูใบไม้ผลิอันยิ่งใหญ่